หลักการทำงานผ้ากันไฟ ของการป้องกันการลุกลามของไฟผ้ากันไฟมีหลักการทำงานหลายประการร่วมกันเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ ดังนี้:
การหน่วงการติดไฟ (Flame Retardancy): วัสดุที่ใช้ทำผ้ากันไฟมักถูกออกแบบหรือเคลือบด้วยสารพิเศษที่ทำให้ติดไฟยาก หรือเมื่อติดไฟแล้วจะดับได้เองอย่างรวดเร็ว
การจำกัดเชื้อเพลิง: วัสดุที่ใช้ทำผ้ากันไฟส่วนใหญ่จะไม่เป็นเชื้อเพลิงที่ดี หรือมีส่วนประกอบที่ไม่สนับสนุนการเผาไหม้ ทำให้ไฟไม่สามารถขยายตัวหรือลุกลามต่อไปได้ง่าย
การกั้นออกซิเจน: ผ้ากันไฟที่มีความหนาแน่นสูงจะช่วยลดปริมาณออกซิเจนที่เข้าสู่บริเวณที่เกิดไฟไหม้ ซึ่งออกซิเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเผาไหม้ เมื่อออกซิเจนถูกจำกัด ไฟก็จะอ่อนกำลังลงและดับในที่สุด
การทนความร้อนสูง (Heat Resistance): ผ้ากันไฟสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงที่เกิดขึ้นระหว่างเกิดเพลิงไหม้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง โดยไม่ไหม้ ละลาย หรือเสื่อมสภาพง่าย คุณสมบัตินี้ช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนถ่ายเทไปยังวัสดุอื่นที่อยู่ใกล้เคียงและจุดติดไฟ
การสร้างแนวป้องกันทางกายภาพ: เมื่อนำผ้ากันไฟไปติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น เป็นม่านกั้น ผนัง หรือคลุมอุปกรณ์ จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เปลวไฟ สะเก็ดไฟ หรือความร้อนสัมผัสกับวัสดุอื่นที่อาจติดไฟได้ง่าย
ตัวอย่างการทำงาน:
คลุมไฟขนาดเล็ก: เมื่อเกิดไฟไหม้ขนาดเล็ก การนำผ้ากันไฟไปคลุมจะช่วยตัดออกซิเจน ทำให้ไฟดับลง
กั้นพื้นที่: การใช้ผ้ากันไฟเป็นม่านกั้นในโรงงานหรืออาคาร จะช่วยชะลอการลุกลามของไฟจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ทำให้มีเวลามากขึ้นในการอพยพหรือดับไฟ
ห่อหุ้มอุปกรณ์: การห่อหุ้มอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดไฟด้วยผ้ากันไฟ จะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
สรุป:
ผ้ากันไฟทำงานโดยการผสมผสานคุณสมบัติในการหน่วงการติดไฟ จำกัดเชื้อเพลิง กั้นออกซิเจน และทนความร้อนสูง เพื่อสร้างแนวป้องกันทางกายภาพที่ช่วยชะลอหรือป้องกันการลุกลามของไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้ผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับประเภทของความเสี่ยงและติดตั้งอย่างถูกต้องตามมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความปลอดภัยจากอัคคีภัย