ผู้เขียน หัวข้อ: การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร? รวมเทคนิคในปีนี้  (อ่าน 133 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
    • ดูรายละเอียด
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร? รวมเทคนิคในปีนี้
« เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2023, 17:36:58 น. »
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ชีวิตคนเราถูกผูกติดอยู่กับอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก แทบทุกคนจะมีสมาร์ตโฟนอยู่ในมือ ก้มหน้าก้มตาตรวจเช็กข้อมูลข่าวสารในมือถือบนการตลาดออนไลน์อยู่ตลอดเวลา จากรายงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสพธอ. ที่ได้ดำเนินการสำรวจการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2021 พบว่ากลุ่ม Gen Z ที่เกิดระหว่าง 1997-2012 เป็นกลุ่มที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุด เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง 5 นาที ซึ่งใช้มากสุดไปกับการเรียนออนไลน์ 5 ชั่วโมง 23 นาที รองลงมาคือ ดูรายการ Streaming ดูคลิป หนัง ฟังเพลงออนไลน์ 4 ชั่วโมง 11 นาที และติดต่อสื่อสารออนไลน์ 3 ชั่วโมง 39 นาที ขึ้นนำแซงหน้ากลุ่ม Gen Y ที่เป็นแชมป์มาตั้งแต่ปี 2018

 

จากข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ่งบอกได้ว่ากลุ่มคน Gen Z ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญบนโลกออนไลน์พอ ๆ กับ Gen Y และยังมีข้อมูลการสำรวจอีกหลายแห่งที่ยืนยันได้ว่ากลุ่มวัย Gen Z ก็กำลังก้าวเข้าเป็นกำลังหลักสำคัญไม่ว่าจะเป็นด้านตลาดแรงงานและด้านการบริโภคที่มากขึ้น หากธุรกิจหรือเจ้าของกิจการสามารถจับกระแสการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ธุรกิจของคุณได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว เพียงแค่ใช้ การตลาดออนไลน์ ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นก็ช่วยให้คุณหาลูกค้าใหม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น

 
การตลาดออนไลน์ คืออะไร?

การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือ การทำการตลาดในรูปแบบสื่อออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing อาทิ การยิงโฆษณา Facebook, Google, YouTube, Instagram โดยใช้วิธีโฆษณาเว็บไซต์ Landing Page หรือโปรโมทขายสินค้าลงบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้สินค้า / บริการของเราปรากฏผ่านตาผู้ชมบ่อย ๆ และกระตุ้นความรู้สีกอยากซื้อมากขึ้น ชวนให้เข้ามาซื้อหรือใช้บริการเราได้ในที่สุด


ข้อดีการทำการตลาดออนไลน์

1.    เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย หาลูกค้าใหม่ได้เร็ว

จากที่เกริ่นไว้ในตอนต้นผู้บริโภคหันมาใช้งานอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้สะดวกกว่าเดิมไม่ใช่แค่ระหว่างบุคคลกับบุคคล แต่ยังรวมถึงธุรกิจกับการหาลูกค้าใหม่อีกด้วย การประชาสัมพันธ์ถึงลูกค้าใหม่จึงทำได้รวดเร็วและง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังผนวกการใช้งาน AI Algorithm เข้ามาช่วยการทำงานในภาคธุรกิจ เพียงแค่ระบุอัตลักษณ์ลูกค้า เช่น เพศ ที่อยู่อาศัย อายุ ความสนใจ หน้าที่การงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ AI จะนำมาประมวลและคัดกรองลูกค้าที่ตรงกับความเป้าหมายหลักของธุรกิจเราได้มากขึ้น ลดการโฆษณาแบบหว่านที่เสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์และตอบโจทย์ลูกค้าที่สนใจมากขึ้น

 
2.    การตลาดออนไลน์ เปิดโอกาสให้คุณแสดงความเชี่ยวชาญออกมาได้อย่างเต็มที่

ในแง่ของผู้ที่ต้องการเข้าใช้บริการ ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลมากที่สุดต่อความต้องการใช้งานคือ ความเชี่ยวชาญ เนื่องจากบนแพลตฟอร์มออนไลน์คือพื้นที่สาธารณะที่ให้ผู้บริโภคและธุรกิจติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรง เปิดโอกาสให้ธุรกิจแสดงศักยภาพด้านความเชี่ยวชาญได้อย่างเต็มที่ ต่างจากการให้บริการแบบออฟไลน์เพราะเข้าถึงได้ง่ายกว่า ทั้งบนบล็อก โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการโฆษณาออนไลน์

 
3.   เนื้อหามีความหลากหลายเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า

บนโลกออนไลน์คือพื้นที่ที่เราสามารถลงคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบ หลายช่องทางในแพลตฟอร์มที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคอนเทนต์บล็อก การลงวิดีโอหรือรูปภาพโปรโมท การทำโพลสำรวจ A/B Testing หรือคอนเทนต์ล้ำ ๆ อย่างการทำโฆษณาบน AR ผ่านฟีเจอร์ Stories ก็ดีไม่แพ้กัน (ดูตัวอย่างรูปแบบสื่อออนไลน์เพิ่มเติมได้ที่นี่) เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเราเจอได้มากขึ้น และยังสามารถรับชมหรืออ่านจากที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งการผลิตสื่อการตลาดออนไลน์ให้ดึงดูดความสนใจลูกค้าได้จะต้องประกอบไปด้วย 3 อย่างนี้ คือ 1. มีความโดดเด่นมีเอกลักษณ์ของตัวเอง 2. หาข้อมูลง่าย มีความน่าเชื่อถือ และ 3. ข้อมูลต้องมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญอยู่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ จึงจะทำให้ลูกค้าให้ความสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการได้อย่างรวดเร็ว

 
4.    การตลาดออนไลน์ มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าแบบออฟไลน์

จากผลการสำรวจของ HubSpot ระบุว่ากลุ่ม Lead หรือ Inbound Lead ส่วนมากแล้วมักมาจากช่องทางออนไลน์มากที่สุด เช่น แชนแนลบล็อก โซเชียลมีเดีย และ SEO เมื่อนำมาคำนวณเปรียบเทียบกับกลุ่ม Lead ที่มาจากช่องทางออฟไลน์แบบดั้งเดิมแล้ว มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าถึง 61% เพราะการใช้งานการตลาดออนไลน์จะลดต้นทุนค่าเดินทางโปรโมท ค่าพิมพ์ป้ายโฆษณา ซึ่งมีราคาสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเซิร์ฟเวอร์

 
5.    สามารถวัดผลได้แม่นยำและน่าเชื่อถือด้วย Online Marketing Tools

เครื่องมือทำการตลาดออนไลน์ตอนนี้รุดหน้าไปมาก มีการผสมผสานทั้ง AI Algorithm และการวางกลยุทธ์ของนักการตลาดเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ Google Adwords, Facebook Business Suite, TikTok For Business เป็นต้น ซึ่งมีหลังบ้านคอยคำนวณและวัดผลการเข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบข้อมูลจากลูกค้าได้ตามความสนใจ เช่น ยอด Engagement, ช่องทางการเข้าถึง, คำนวณค่า ROI/ROAS, ดูยอด Impression/CPC/CTR เป็นต้น เพื่อวัดประสิทธิภาพของการตลาดที่ลงทุนไป ประเมินความคุ้มค่าของผลตอบแทน และช่วยนักการตลาดวางแผนสื่อการตลาดต่อไปได้ในอนาคต

 

6.   ใช้ในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ถ้าโลกออนไลน์เชื่อมต่อทุกคนเข้าด้วยกัน มีหรือที่จะไม่เชื่อมต่อธุรกิจกับลูกค้าเข้าด้วยกันบ้าง และหากเปรียบเทียบกับโลกเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ที่การโฆษณายังเป็นรูปแบบออฟไลน์ทั้งหมดกับปัจจุบัน บอกได้เลยว่าวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีช่วยเชื่อมทุกคนให้เข้าใกล้กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฉกเช่นทุกวันนี้ที่มีการสร้างกลุ่มออนไลน์ เพื่อสร้างเครือข่ายพูดคุยระหว่างธุรกิจ-ลูกค้า และธุรกิจ-ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ทำความเข้าใจลูกค้าและคู่ค้าได้มากขึ้น และสามารถส่งมอบความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่านการทำการตลาดออนไลน์


การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร? รวมเทคนิคในปีนี้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 กันยายน 2023, 16:00:18 น. โดย siritidaphon »