แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
หมอออนไลน์: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)

สายตาสั้น เป็นความผิดปกติของสายตา ที่มีอาการมองใกล้ชัด แต่มองไกลไม่ชัด เป็นภาวะที่พบได้บ่อย (พบได้ประมาณร้อยละ 25 ของเด็กในวัยเรียน) อาจเป็นเพียงตาข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้ และสายตาทั้ง 2 ข้างอาจจะสั้นไม่เท่ากันก็ได้

โรคนี้มักพบเป็นกันหลายคนในหมู่ญาติพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน

สายตาสั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง (ซึ่งพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ มีภาวะสายตาสั้นไม่รุนแรง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง) และสายตาสั้นชนิดรุนแรง (ซึ่งพบได้น้อย สายตาสั้นค่อนข้างมากถึงรุนแรง และมักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง)

สาเหตุ

สายตาสั้น มีสาเหตุจากกระจกตามีความโค้งมากกว่าปกติ ซึ่งมีกำลังในการหักเหแสงมากขึ้น ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกอยู่ข้างหน้าจอตา ไม่ตกตรงจอตาพอดี จึงมีอาการมองไกล ๆ ไม่ชัด

  สายตาสั้นยังอาจเกิดจากกระบอกตามีความยาว (ระยะจากกระจกตาถึงจอตา) มากกว่าปกติ ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกไม่ถึงจอตา ทำให้เกิดอาการมองไกลไม่ชัด มักทำให้มีสายตาสั้นที่ค่อนข้างมากถึงรุนแรง

เชื่อว่าความผิดปกติดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นมาแต่กำเนิดโดยธรรมชาติของคนคนนั้น อาจมีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการสายตาสั้น ได้แก่ การใช้เวลามากในการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ใกล้ (เช่น การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) หรือการเล่นสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ๆ เป็นประจำ การใช้เวลาในที่กลางแจ้งน้อย

อาการ

สายตาสั้น จะมีอาการมองไกล ๆ (เช่น มองกระดานดำ ดูโทรทัศน์) ไม่ชัด ต้องคอยหยีตา แต่มองใกล้ (เช่น อ่านหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ได้ชัดเจน

  ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะหรือตาล้าจากการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ไกล

เด็กที่มีสายตาสั้น อาจมีอาการกะพริบตาบ่อย ใช้นิ้วขยี้ตาบ่อย นั่งดูทีวีใกล้จอ และถ้าสายตาสั้นมาก ๆ อาจมีอาการตาเขร่วมด้วย

สำหรับสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง จะเริ่มมีอาการแสดงในระยะที่เริ่มเข้าโรงเรียน และจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุ 25 ปีจึงอยู่ตัวไม่สั้นมากขึ้น สายตาสั้นชนิดนี้จะไม่สั้นมาก และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

  ในรายที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง ซึ่งมักเกิดจากมีกระบอกตายาวกว่าปกติมากและอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง อาจพบว่าในระยะแรกจะมีอาการสายตาสั้นคล้ายชนิดไม่รุนแรง แต่จะมีสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น แม้เลยวัย 25 ปีไปแล้ว หรืออาจพบมีอาการสายตาสั้นขนาดมาก ๆ มาตั้งแต่อายุน้อย (ในวัยรุ่น) จะสังเกตเห็นเมื่อเด็กเริ่มหัดเดิน มักจะเดินชนถูกสิ่งกีดขวาง หกล้มบ่อย ๆ หรือเวลามองดูอะไรต้องเข้าไปใกล้ ๆ จนตาแทบชิดกับวัตถุที่มอง ต้องสวมแว่นหนา ๆ อาจต้องเปลี่ยนแว่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

  สายตาสั้นชนิดรุนแรงที่พบตั้งแต่วัยเด็กดังกล่าว เรียกว่า "สายตาสั้นชนิดร้าย (malignant myopia)" เป็นภาวะที่พบได้น้อย มีความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ภาวะแทรกซ้อน

ความบกพร่องในการมองเห็น ทำให้เกิดความบกพร่องในการเรียนและการทำงาน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย (เช่น ขณะขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร)

เด็กเล็กที่มีสายตาสั้นมาก ๆ อาจเกิดอาการตาเขได้

สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรง อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก เลือดออกที่จอตา เป็นต้น ทำให้ตาบอดได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการใช้เครื่องตรวจวัดสายตาและการตรวจสุขภาพตาซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และอาจวัดสายตาด้วยการทดลองให้มองผ่านเลนส์หลาย ๆ ขนาดเพื่อหาขนาดที่ให้ความคมชัดที่สุด

บางครั้งแพทย์อาจให้ยาหยอดตาขยายรูม่านตา เพื่อเปิดมุมกว้างสำหรับการตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด อาจทำให้เห็นแสงจ้า หรือรู้สึกตาพร่ามัวอยู่สักพักใหญ่ และจะหายดีหลังจากยาหมดฤทธิ์

การรักษาโดยแพทย์

ถ้ามีอาการเล็กน้อย และไม่มีอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าสังเกตอาการและนัดมาตรวจวัดสายตาเป็นระยะ

สำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์จะทำการแก้ไขด้วยการให้ผู้ป่วยใส่แว่นชนิดเลนส์เว้า หรือเลนส์สัมผัสหรือคอนแทคเลนส์* ตามขนาดสายตาที่ตรวจวัดได้

ในผู้ที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง แพทย์จะนัดมาตรวจวัดสายตา ปรับเปลี่ยนแว่น และตรวจดูภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาเป็นระยะ

  แพทย์อาจให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการใช้เลเซอร์ เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้จุดรวมแสงตกบนจอตาพอดี สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มีสายตาที่คงที่แล้ว และไม่มีภาวะที่เป็นข้อห้ามในการทำการผ่าตัด การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบนี้มีอยู่หลายวิธี

  ที่นิยมได้แก่ วิธีที่เรียกว่า เลสิก (LASIK ซึ่งย่อมาจาก laser assisted in situ keratomileusis) โดยแพทย์จะใช้มีดเฉพาะ (microkeratome) ฝานกระจกตาโดยรอบ และใช้เลเซอร์ (excimer laser) ยิงให้กระจกตาส่วนที่อยู่ตรงกลางแบนลงให้ได้ขนาดที่เหมาะกับระดับของสายตาสั้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ** รวมทั้งการผ่าตัดฝังเลนส์เทียม (intraocular lens implant/IOL) โดยแพทย์จะผ่ากระจกตาเป็นรอยเล็ก ๆ แล้วฝังเลนส์ตาเทียมเข้าไปในตาของผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกตรงจอตา ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ช่วยให้มีสายตาเป็นปกติ สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรงซึ่งพบได้เป็นส่วนน้อยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

*ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ บางคนอาจนิยมใส่เลนส์สัมผัสหรือคอนแท็กต์เลนส์ (contact lenses) ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายชนิด การใช้เลนส์สัมผัสมีข้อควรระวังในการใช้และการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าการใส่แว่น หากใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาและแผลกระจกตา (corneal ulcer) ได้ ก่อนใช้ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกเคืองตา น้ำตาไหลมากกว่าปกติ ตาแดง ตามัว เป็นต้น ควรถอดเลนส์สัมผัสออก และไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

**ในปัจจุบัน นอกจากเลสิก (LASIK) แล้ว ยังมีวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาสายตาสั้นอีกหลายวิธี เช่น Laser-assisted subepithelial keratectomy (LASEK), Photorefractive keratectomy (PRK), Small incision lenticule extraction (SMILE) เป็นต้น ซึ่งมีข้อดี ข้อเสีย ข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ กันไป ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ความชัดเจนว่าวิธีไหนที่เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการมองไกลไม่ชัด เด็กมีอาการกะพริบตาหรือขยี้ตาบ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสายตาสั้น ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการสายตาสั้นมากขึ้น หรือใส่แว่นสายตาแล้วยังมองเห็นไม่ชัด
    มีอาการตาล้า หรือปวดศีรษะบ่อย
    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามาก ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลช หรือเห็นจุดดำคล้ายเงาหยากไย่หรือแมลงลอยไปมา เป็นต้น

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างตาที่เป็นมาแต่กำเนิด

อาจลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสายตาสั้นลงด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

1. การส่งเสริมให้เด็กวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวช่วงต้นใช้เวลาอยู่ในที่กลางแจ้งให้มากขึ้น โดยสันนิษฐานว่า แสงอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด มีส่วนช่วยยับยั้งไม่ให้กระบอกตามีความยาวมากกว่าปกติ จึงช่วยลดการเกิดสายตาสั้นได้*

2. ดูแลสุขภาพตา เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาแย่ลง โดยการปฏิบัติตัวดังนี้

    หมั่นออกกำลังกาย ไม่สูบบุหรี่ และบริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดของมัน ของหวาน ของเค็ม และกินผัก ผลไม้และปลาให้มาก ๆ
    ลดการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการสวมแว่นตากันแดดเวลาออกกลางแดดจ้า
    ใส่แว่นสายตาที่เหมาะกับระดับสายตา
    ใส่อุปกรณ์ป้องกันตาเวลาทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตา (เช่น เล่นกีฬา ตัดหญ้า ทาสี หรือการสัมผัสสารเคมี)
    ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (ถ้าเป็นโรคเหล่านี้)
    ป้องกันอาการตาล้า โดยการพักตาเวลาใช้สายตามาก (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ทุก ๆ 20 นาที ให้มองวัตถุที่อยู่ห่างระยะ 20 ฟุต นาน 20 วินาที
    ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ) ในที่ที่มีแสงสว่างที่มากพอ
    หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตา (ตามที่แพทย์แนะนำ)


ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง อาจไม่ทราบว่าตัวเองมีสายตาผิดปกติเนื่องจากไม่มีอาการที่เด่นชัด ดังนั้น แนะนำว่าคนทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรตรวจวัดสายตาเป็นระยะ ตามโรงเรียนต่าง ๆ ควรมีแผ่นวัดสายตา (ที่นิยมใช้กันคือ Snellen chart) ไว้ตรวจวัดสายตานักเรียนทุกคน ถ้าพบว่าผิดปกติ จะได้ส่งเด็กไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล

  2. ผู้ที่เป็นสายตาสั้น จะใส่แว่นประจำหรือไม่ก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสายตา ความเชื่อที่ว่าใส่แว่นประจำหรือเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ ทำให้ตาสั้นมากขึ้นจึงไม่เป็นความจริง ถ้าสายตาจะสั้นมากขึ้นก็เพราะธรรมชาติของคนคนนั้น โดยทั่วไปเมื่ออายุประมาณ 25 ปี สายตามักจะอยู่ตัว ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย

2
มอเตอร์โชว์: AVATR 11 จาก Changan เอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า 100% เตรียมเปิดตัวในไทย กันยายน นี้

AVATR 11 เอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า 100% จาก Changan เตรียมเปิดตัวในไทยภายในเดือน กันยายน นี้ พร้อมให้ไปสัมผัสตัวจริงกันใน งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้
 
เมื่อไม่นานมานี้ Changan กางแผนธุรกิจในไทยสำหรับปี 2024 โดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ Avatr ภายในเดือน กันยายน นี้ รวมถึงรถรุ่นอื่น ๆ พร้อมขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งไฟฟ้าล้วน BEV ไปจนถึง REEV
 
Avatr ถือเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวล้ำยุคแล้ว ยังมาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่ได้รับการสนับสนุนโดย Huawei นอกจากนี้ Avatr ยังถูกวางตำแหน่งให้เป็นพรีเมียมแบรนด์ ซึ่งหากรวมกับราคาที่รถจีนมักจะทำให้เข้าถึงได้ง่ายแล้ว คงส่งผลต่อตลาดรถญี่ปุ่นระดับบนจนถึงรถยุโรประดับเริ่มต้นอย่างแน่นอน
 
คาดว่า รถรุ่นแรกจากแบรนด์ที่นำมาจำหน่ายในไทยคงหนีไม่พ้น Avatr 11 ซึ่งเป็นเอสยูวีไฟฟ้า 100% มาดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับรถคันนี้จะมีอะไรบ้าง
 
Avatr คือแบรนด์ของใคร
Avatr 11 มีมิติตัวถังเท่าไหร่ คันประมาณไหน?
ภายนอก-ใน มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ขุมกำลังมีแบบไหน ชาร์จเร็วได้เท่าไหร่?
ราคาน่าจะเกิน 2 ล้านแน่นอน
 

Avatr คือแบรนด์ของใคร
 
Avatr ตั้งชื่อมาจากคำว่า Avatar ซึ่งแปลว่า กลับชาติมาเกิด เป็นแบรนด์ย่อยภายใต้ค่ายรถจากจีนอย่าง Changan โดยถือว่าเป็นแบรนด์หรู ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 จากความร่วมมือกันระหว่าง Changan New Energy และ NIO แต่แล้ว NIO ก็ถอนความร่วมมือไปเนื่องด้วยปัญหาการเงิน ต่อมา CATL บริษัทแบตเตอรี่จึงเข้าร่วมทุนแทนด้วยหุ้น 17% ส่วน Changan ถือหุ้นที่ 40% ส่วนที่เหลือจะเป็นกองทุนต่าง ๆ
 
นอกจากนี้ยังมี Huawei เป็นซัพพลายเออร์หลัก ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Avatr จะมีเอสยูวี Avatr 11 และซีดานท้ายลาด Avatr 12
 

Avatr 11 มีมิติตัวถังเท่าไหร่ คันประมาณไหน?
 
มิติตัวถัง Avatr 11
ความยาว 4,880 มม.
ความกว้าง 1,970 มม.
ความสูง 1,601 มม.
ระยะฐานล้อ 2,975 มม.
 
รถคันนี้อยู่ภายใต้แพลตฟอร์มอีวี EP1 Platform โดย Avatr 11 ต้องการตีตลาด SUV ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หากพิจารณาจากขนาดของรถแล้วจะใกล้เคียงกับ HYPTEC HT และถือว่าใหญ่กว่า Xpeng G6 ที่เพิ่งเปิดตัวไปพอสมควร รวมถึงใหญ่กว่า Honda CR-V และ BYD Sealion 6 DM-i อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว


ภายนอก-ภายใน มีอะไรน่าสนใจบ้าง
 
สำหรับภายนอกของ Avatr 11 มาพร้อมดีไซน์มินิมอลที่ดูสะอาดตา ในโมเดลปี 2024 จะมาพร้อมสีทองใหม่ที่เหลือบตามแสงที่ตกกระทบ ให้ความสวยงามที่ต่างกันไปในแต่ละมุม
 
ภายในของ Avatr 11 โมเดลปี 2024 มาพร้อมโทนสีขาว-ม่วง ตกแต่งด้วยขอบสีทอง เพื่อให้เข้ากับตัวถังสีทองใหม่ ให้ความหรูหรา ฝั่งคนขับมาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลจอ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ตรงกลางขนาด 15.6 นิ้ว สามารถใช้ฟังก์ชันแบ่งหน้าจอ เพื่อแสดงระบบนำทาง เล่นเกม และรับชมวิดีโอ อีกทั้งยังแบ่งฟังก์ชั่นไปยังจอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า และรองรับการสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย
 
ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบเสียง Meridian ลำโพง 25 ตำแหน่งทุกรุ่นย่อย พร้อมระบบเสียงแบบเซอร์ราวด์ 7.1.4 และเป็นรถที่มีแพลตฟอร์มขยายเสียง PA3 DSP ซึ่งมีกำลังขับ 2016W เป็นครั้งแรกของจีนด้วย
 
สำหรับเบาะนั่งของ Avatr 11 ใหม่ ปรับมาใช้หนัง full-grain semi-aniline ให้ความนุ่มกว่าเดิมและระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทุกรุ่นยังมาพร้อมเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Zero-Gravity และเบาะด้านหลังมีระบบระบายอากาศและฟังก์ชันอุ่นเบาะอีกด้วย
 
ส่วนด้านเทคโนโลยีการขับขี่ Avatr 11 โมเดลล่าสุด มีระบบป้องกันการชนรอบด้าน ผ่านเซนเซอร์ทั้งหมด 34 จุด ประกอบด้วย ระบบ AEB/GAEB ด้านหน้า, ระบบ ELKA/LOCP ด้านข้าง และ ระบบ RAEB ด้านหลัง
 
รวมถึงมีการป้องกันการชนกันของสิ่งกีดขวางด้านข้าง (LOCP) ใหม่ที่ทำงานโดย เครือข่าย GOD 2.0 Neutral Network เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของระบบและความสามารถในการป้องกันได้มากขึ้น ส่งผลให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น


ขุมกำลังมีแบบไหน ชาร์จเร็วได้เท่าไหร่?
 
สำหรับขุมพลังของ Avatr 11 หากอ้างอิงสเปคจีนจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน DriveONE จาก Huawei ประกอบด้วย 4 รุ่นย่อย
 
630 RWD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 90 kWh วิ่งไกล 630 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที
580 AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 578 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 90 kWh วิ่งไกล 580 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.98 วินาที
730 RWD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 116 kWh วิ่งไกล 730 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.9 วินาที
700 AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 578 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 116 kWh วิ่งไกล 700 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที
 
ทุกรุ่นย่อยสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม.
 
สำหรับการชาร์จ มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 750V รองรับหัวชาร์จ CCS Combo Type 2 สามารถชาร์จ AC ความเร็วสูงสุด 11 kW และ DC รองรับสูงสุด 240 kW จากแบตเตอรี่ 0-80% เร็วสุดภายใน 25 นาที พร้อมรองรับระบบ V2L จ่ายไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก สูงสุด 3.3 kW
 

ราคาเกิน 2 ล้านแน่นอน
 
Avatr 11 โมเดลปี 2024 จำหน่ายในจีนด้วยราคาตั้งแต่ 300,800 – 390,800 หยวน หรือตั้งแต่ 1.4 – 1.8 ล้านบาท ซึ่งหากจำหน่ายในไทยจะต้องมีต้นทุนเพิ่มเติม ราคาจึงน่าจะพุ่งไปแตะ 2 ล้านบาทแน่นอน แต่อย่าลืมว่ารถคันนี้คือ SUV ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นรถระดับพรีเมียมตาม position ของแบรนด์
 
ดังนั้น ด้วยขนาด เทคโนโลยี และความพรีเมียมที่ให้มาก็นับว่าคุ้มค่าอยู่พอสมควร เรามารอดูกันว่าในเดือน กันยายน นี้ Avatr 11 สเปคไทยจะเป็นอย่างไร หรือไม่ก็รอไปสัมผัสตัวจริงพร้อมโปรโมชันกันที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024

3
อาการของโรคภาวะพร่องแล็กเทส (Lactase deficiency)

แล็กเทส เป็นเอนไซม์ที่สร้างโดยเยื่อบุลำไส้เล็ก ทำหน้าที่ย่อยแล็กโทส (lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในน้ำนม (ทั้งนมมารดา นมวัว และนมแพะ) ให้แตกออกเป็นกลูโคสและกาแล็กโทส (galactose) ซึ่งมีขนาดเล็กลง ง่ายต่อการดูดซึม ถ้าหากลำไส้พร่องเอนไซม์ชนิดนี้ น้ำตาลแล็กโทสจะไม่ถูกย่อย และไม่ถูกลำไส้ดูดซึม ทำให้มีการดึงดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ เกิดอาการท้องเดิน และเมื่อแล็กโทสผ่านลงไปในลำไส้ใหญ่ก็จะมีการทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย เกิดแก๊ส (ลม) ในลำไส้ (ทำให้ท้องอืด) กรดแล็กติก และสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งจะออกมาในอุจจาระ (ทำให้ท้องเดิน)

ภาวะนี้พบในคนทุกวัย มักเริ่มพบตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบได้น้อยในทารก

อาการท้องเดินที่เกิดจากภาวะนี้ มักจะเรียกว่า ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส (lactose intolerance)


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดปฐมภูมิ ซึ่งไม่มีสาเหตุชักนำ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของลำไส้เล็กที่มีการสร้างเอนไซม์ชนิดนี้มากตอนแรกเกิด และจะค่อย ๆ สร้างได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่วัยเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มักจะเริ่มปรากฏอาการท้องเดินเมื่ออายุประมาณ 3-5 ปี

บางรายอาจเป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดทุติยภูมิ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ ท้องเดินจากไวรัสโรตาในทารก ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย การติดเชื้อฉวยโอกาสในผู้ป่วยเอดส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการผ่าตัดลำไส้ออกไปปริมาณมาก ทำให้ลำไส้สร้างเอนไซม์แล็กเทสได้น้อยลง

ส่วนน้อยอาจเกิดจากความผิดปกติโดยกำเนิด ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้ผู้ป่วยพร่องเอนไซม์ชนิดนี้ตั้งแต่แรกเกิด และจะมีอาการแสดงของโรคนี้ไปจนตลอดชีวิต

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติทางลำไส้เกิดขึ้นหลังบริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น ไอศกรีม น้ำสลัด เนย นมช็อกโกแลต) ประมาณ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง อาการมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของภาวะพร่องแล็กเทสและปริมาณแล็กโทสที่บริโภค

ในรายที่เป็นไม่มาก มักมีอาการมีลมในลำไส้มาก ท้องอืด คลื่นไส้ และปวดบิดในท้อง โดยไม่มีอาการท้องเดิน

ในรายที่เป็นมากมักมีอาการท้องเดิน (ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลว) ร่วมด้วย ส่วนปริมาณนมที่บริโภคจนทำให้เกิดอาการท้องเดินนั้นแปรผันไปตามผู้ป่วยแต่ละราย บางรายดื่มนมได้วันละ 1-2 แก้วก็ไม่เกิดอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางรายเพียงดื่มนมปริมาณเล็กน้อยก็เกิดอาการท้องเดิน

ภาวะแทรกซ้อน

โดยทั่วไปมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ ส่วนทารกและเด็กเล็กที่อาศัยนมเป็นอาหารหลัก หากเกิดอาการท้องเดินเรื้อรังก็อาจทำให้น้ำหนักตัวไม่ขึ้นได้

โอกาสที่จะเป็นรุนแรงถึงขั้นขัดขวางการดูดซึมจนน้ำหนักลดและขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก ถ้าพบมักเกิดจากการดูดซึมผิดปกติด้วยสาเหตุอื่น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก

ส่วนใหญ่มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน รวมทั้งภาวะขาดน้ำ

บางครั้งอาจพบอาการท้องอืด หรือได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้

ในรายที่มีอาการเรื้อรังและไม่แน่ใจในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะทำการตรวจระดับไฮโดรเจนในลมหายใจ (hydrogen breath test) ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ ส่วนทารกและเด็กเล็กอาจทำการตรวจหาระดับความเป็นกรดในอุจจาระ (stool acidity test) ซึ่งจะพบว่าสูงกว่าปกติ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. สำหรับผู้ป่วยที่เคยดื่มนมได้แต่เกิดภาวะพร่องแล็กเทสหลังเป็นโรคติดเชื้อ เมื่อรักษาจนโรคติดเชื้อหายดีแล้ว เยื่อบุลำไส้มักจะฟื้นตัวและสร้างแล็กเทสได้เป็นปกติภายใน 3-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยก็สามารถกลับมาบริโภคนมได้เหมือนเดิม ระหว่างรอฟื้นตัว แนะนำให้ผู้ป่วยงดบริโภคนม ให้บริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ (ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง) แทน

2. สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องแล็กเทสเรื้อรัง (เป็นโดยกำเนิดหรือเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้) อาการท้องเดินมักจะกำเริบหลังบริโภคนมทุกครั้ง ก็จะให้คำแนะนำให้ผู้ป่วยในการปฏิบัติตัวดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

3. ในรายที่ให้การดูแลรักษาแล้วไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรัง และสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์จะทำการชันสูตรเพิ่มเติมและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องเดินนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะพร่องแล็กเทส ควรดูแลรักษา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าลองปฏิบัติตัวดังกล่าวแล้วไม่ทุเลาใน 2-3 วัน หรือมีความวิตกกังวล

การป้องกัน

ภาวะนี้มักเป็นโรคประจำตัวเรื้อรัง สามารถป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อยโดยการงดหรือลดการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม หรือกินเอนไซม์แล็กเทสเสริม

ข้อแนะนำ

1. อาการท้องเดินที่เกิดจากการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากเกิดจากภาวะพร่องแล็กเทสแล้ว ยังอาจเกิดจากการแพ้โปรตีนในนม (ซึ่งจะมีอาการภูมิแพ้ เช่น ลมพิษ ผื่นคันร่วมด้วย ดู "การแพ้อาหาร" ที่หัวข้อสาเหตุ ใน "โรคลมพิษ" เพิ่มเติม) หรือโรคลำไส้แปรปรวน ควรแยกแยะสาเหตุให้ได้ชัดเจน และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

2. ภาวะพร่องแล็กเทสมักไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจาการติดเชื้อของลำไส้มักเป็นเพียงชั่วคราว และหายขาดได้ แต่ถ้าเป็นภาวะพร่องแล็กเทสแบบถาวร ก็ควรแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลรักษาตนเองอย่างจริงจัง ผู้ป่วยควรสังเกตว่าการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณเท่าใดที่ไม่ทำให้เกิดอาการ ก็ให้บริโภคในปริมาณนั้นไปเรื่อย ๆ หากต้องการงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ก็ควรรู้จักเลือกบริโภคอาหารให้ถูกต้อง โดยเฉพาะควรได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารอื่นให้เพียงพอ

4
มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2025: แลมเบรตต้า Lambretta X 200 GP ปี 2024
136,900 บาท

แลมเบรตต้า Lambretta X 200 GP ปี 2024
LAMBRETTA X200 GP ผสมผสานกลิ่นอายและจิตวิญญาณของตำนานสนามแข่งในอดีตจากรุ่น LAMBRETTA GP/DL ในปี 1969 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ LAMBRETTA ในฐานะสกู๊ตเตอร์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ยานพาหนะ แต่ยังเป็นตัวแทนแห่งความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน! โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิกดีไซน์ใหม่กับลายเส้นของโลโก้ LAMBRETTA ที่คาดจากบังโคลนด้านหน้าสู่ฝาข้างด้านหลัง เพิ่มความเฉียบคมและมีสไตล์ให้กับตัวรถ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการออกแบบจากอดีตไว้อย่างครบถ้วน ที่สำคัญ ยังมาพร้อมดีไซน์สีสันในสไตล์ทูโทน ด้วยจุดเด่นของการออกแบบฝาข้างที่ทำจากเหล็ก และสามารถถอดแยกชิ้นได้ ติดตั้งเครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 184.7 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนถึง 2 ตัวด้วยกัน ที่สำคัญ ในส่วนของการออกแบบระบบช่วงล่างยังถ่ายทอด DNA เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ทั้งสองข้าง ให้การขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Lambretta
   รุ่น                    แลมเบรตต้า Lambretta X 200 GP ปี 2024
   ประเภทรถ           รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์, Classic bike
   ปีที่เปิดตัว            2024
   ราคา                136,900 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์                เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์                  อัตโนมัติแบบสายพานตัววี (V-Belt)
   รายละเอียดเครื่องยนต์    4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาล์ว SOHC
   ระบบระบายความร้อน      น้ำ
   ระบบสตาร์ท               สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  184.7 CC
   แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด            Transistorized coil ignition (Bosch)
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง   แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน            หัวฉีด (Electronic Fuel Injection (Bosch))
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)    7.5 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน          ล้อหน้า Double Arm-Link ( ปรับ Pre-load ได้ 7 ระดับ ), ล้อหลัง Double spring suspension ( ปรับ Pre-load ได้ 7 ระดับ )
   ระบบเบรค                 ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Dual-channel ABS)
   แบบวงล้อ                  แมกซ์
   ขนาดยาง                 ล้อหน้า IRC 120/70-12 51M (Tubeless), ล้อหลัง IRC 130/70-12 56M(Tubeless)
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)      1,922 x 741 x 1,117 มม. ความสูงเบาะ 790 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                        160.00 กก.

5
บอร์ดโพสเว็บบอร์ดsmf / ความเชื่อผิดๆของการจัดฟันเด็ก
« เมื่อ: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025, 23:05:29 น. »
ความเชื่อผิดๆของการจัดฟันเด็ก
 
การจัดฟันในเด็ก สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรนำบุตรหลานที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น เพราะในวัยเด็กเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า การจัดฟันในเด็กสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างแน่นอน

นอกจากจะแก้ไขปัญหาฟันแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความผิดปกติของกล้ามเนื้อใบหน้าด้วย ซึ่งในข้อนี้พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะยังไม่ทราบ ซึ่งหากพ่อแม่ผู้ปกครองพบความผิดปกติของใบหน้าหรือรูปร่างฟัน ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและแก้ไขทันที ไม่ควรละเลยและปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปจนถึงตอนโต เนื่องด้วยพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าฟันน้ำนมของเด็กไม่มีความสำคัญ จึงละเลยที่จะสอนเด็กให้รู้จักวิธีการทำความสะอาดของช่องปากและฟันตั้งแต่เด็ก เพราะคิดว่ารอให้โตก่อนค่อยสอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธี
ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะจะเป็นการปล่อยให้ปัญหาฟันลุกลามได้

นอกจากนี้ ผู้ปกครองหลายคนก็ยังมีความเชื่อที่ผิดๆ เกี่ยวกับการจัดในเด็ก หรืออาจจะยังไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการพาบุตรหลานของท่านเช้ารับการจัดฟัน จึงมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของความเชื่อที่ผิดๆของการจัดฟันในเด็ก ที่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะยังไม่เข้าใจ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนมุมมองในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก รวมไปถึงจะได้เข้าใจในเรื่องของการจัดฟันในเด็กเพิ่มมากขึ้น
 
หากพูดถึงเรื่องของการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด และสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ หลายคนอาจจะยังมีความเชื่อที่ผิดๆว่า การจัดฟัน มีไว้สำหรับเด็กเท่านั้น มักจะคิดว่า การจัดฟันนั้นมีเพียงเด็กๆ เท่านั้นที่ทำกัน คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไปจัดฟันก็ไม่มีประโยชน์อะไร นี่เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆ แล้ว ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะจัดฟัน เพราะเราทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันได้ และไม่ว่าจะวัยไหน ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ เพียงแต่ว่า การจัดฟันในเด็กนั้น

จะดีกว่าวัยผู้ใหญ่เพราะสามารภแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า และไม่มีความซับซ้อนเท่ากับการจัดฟันในผู้ใหญ่ จึงไม่แปลกที่พ่อแม่ผู้ปกครองยังมีความคิดที่ผิดๆเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็ก

นอกจากนี้ยังมีความคิดที่ว่า เมื่อเข้ารับการจัดฟันเสร็จแล้วฟันก็จะอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันเสร็จแล้วก็จบกัน ฟันของคุณจะเรียงตัวสวยอยู่สภาพนั้นไปตลอด ไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกเลยตลอดกาล นี่เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ไม่เป็นจริง หลังจากที่คุณจัดฟันเสร็จแล้ว ฟันของคุณยังสามารถมีการเคลื่อนที่อยู่ต่อไปได้อีก


ดังนั้นคุณจึงจำเป็นจะต้องใส่ รีเทนเนอร์ ไปอีกตลอดชีวิต เพื่อรักษารูปแบบของฟันให้คงอยู่ดังเดิม และไม่ให้ฟันล้ม จนต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่หลายคนมองว่า เมื่อเข้ารับการจัดฟันในวัยเด็กแล้ว เมื่อโตไปจะไม่ทำให้เกิดฟันเกี่ยวกับฟันอีก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด

เพราะถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในวัยเด็ก และไม่มีวินัยในการสวมใส่รีเทนเนอร์ภายหลังจากการจัดฟันเสร็จแล้ว 
 อาจจะทำให้เด็กกลับมามีสภาพฟันที่ผิดปกติได้ ดังนั้น ระหว่างการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ควรแนะนำและสอนให้เด็กมีวินัยในการสวมใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจัดฟันซ้ำเป็นครั้งที่สอง ส่วนในเรื่องของกรรับประทานอาหาร พ่อแม่เกรงว่าลูกจะไม่ได้รับประทานอาหารอย่างเต็มที่


เนื่องจากมีเครื่องมือกรจัดฟัน อันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น แม้จะมีเครื่องมือในการจัดฟันอยู่ภายในช่องปากแต่ก็ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้คือความเชื่อที่ผิดๆ ของการจัดฟันในเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนกังวล ซึ่งอาจจะทำให้เป็นอุปสรรคหรือลดโอกาสในการเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก มีประสบการณ์ด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นการการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามอย่างแน่นอน

6
วัดบ้านแอเอาะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์รายล้อมด้วยขุนเขาเหมาะใส่ชุดแม่ชี สำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบฝึกสติ การทำสมาธิ ปรัชญาพุทธ

วัดบ้านแอเอาะ ตั้งอยู่ในตำบลแจ่มหลวง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในหุบเขา รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะมาพักผ่อนหย่อนใจหรือปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบและผ่อนคลายใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดบ้านแอเอาะตั้งอยู่ในหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์รายล้อมด้วยขุนเขา

วัดบ้านแอเอาะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบของเชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมและดื่มด่ำกับคำสอนของพระพุทธศาสนา สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ผสมผสานความงามของวัฒนธรรมภาคเหนือของไทยเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณและการผ่อนคลาย

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวัดบ้านเอ๋อ
วัดบ้านแอเอาะตั้งอยู่ในหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์รายล้อมด้วยขุนเขา มอบบรรยากาศแห่งความสงบและความเงียบสงบ วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดั้งเดิม รวมถึงโครงสร้างไม้แกะสลักอันวิจิตรบรรจงและเจดีย์อันสง่างามที่สะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของภูมิภาคนี้ ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสความเรียบง่ายและความสง่างามของการปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาที่นี่พร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของวัด

ปฏิบัติธรรม ณ วัดบ้านเอ๋อ
วัดแห่งนี้จัดเซสชันปฏิบัติธรรมเป็นประจำ โดยเน้นที่การฝึกสติ การทำสมาธิ และปรัชญาพุทธ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ปฏิบัติที่มีประสบการณ์ โปรแกรมของวัดได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งสำคัญของการฝึกสติและความสงบภายใน พระภิกษุและครูฆราวาสจะให้ความรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

กิจกรรมประกอบด้วย:
การทำสมาธิแบบมีคำแนะนำ : เรียนรู้และเจาะลึกการฝึกสมาธิในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
การสวดมนต์และพิธีกรรม : เข้าร่วมการสวดมนต์ทุกวันเพื่อปลูกฝังความรู้สึกของชุมชนและการอุทิศตน
ธรรมเทศนา : รับความรู้จากพระภิกษุผู้มีประสบการณ์ซึ่งจะอธิบายคำสอนทางศาสนาในรูปแบบที่เข้าใจได้และเป็นรูปธรรม
การใช้ชีวิตอย่างมีสติ : ฝึกสติในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินจงกรม การทำสมาธิ ไปจนถึงการทำงานเล็กๆ น้อยๆ รอบวัด

เหตุใดจึงควรไปเยือนวัดบ้านเอ๋อ?
เชื่อมต่อกับธรรมชาติอีกครั้ง : บรรยากาศอันเงียบสงบของวัดทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตสมัยใหม่
การเรียนรู้วัฒนธรรม : สัมผัสกับประเพณีและสถาปัตยกรรมล้านนาที่แท้จริง
การเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ : เพิ่มความเข้าใจปรัชญาพุทธศาสนาและสร้างความสงบภายใน
บรรยากาศการต้อนรับ : วัดแห่งนี้ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างอบอุ่น พร้อมจัดโปรแกรมต่างๆ ในหลายภาษา

ข้อแนะนำในการเยี่ยมชมวัดบ้านแอเอาะ
การแต่งกายสุภาพ : สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดไหล่และเข่าเพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
สิ่งสำคัญที่ต้องนำมา : พกน้ำดื่ม, รองเท้าที่สวมใส่สบาย และอุปกรณ์ช่วยนั่งสมาธิส่วนตัวไปด้วย
มีจิตใจเปิดกว้าง : เข้าถึงคำสอนและการปฏิบัติด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและเต็มใจที่จะเรียนรู้
ปฏิบัติตามกฎของวัด : เคารพกฎเกณฑ์ของวัดเพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์อันกลมกลืน

การเดินทางไปยังที่นั่น
สามารถเดินทางไปวัดบ้านแอเอาะได้สะดวกด้วยรถยนต์หรือระบบขนส่งสาธารณะจากใจกลางเมืองเชียงใหม่ เส้นทางที่สวยงามช่วยเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยว ทำให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ชนบทที่สวยงามตระการตาตลอดเส้นทาง

การไปเยี่ยมชมบ้านแอเอาะนั้นไม่ใช่แค่การเดินทางทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้เชื่อมต่อกับตัวคุณเอง ธรรมชาติ และปัญญาของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบหรือโอกาสในการฝึกฝนธรรมะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น วัดแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้วัดบ้านเอ๋ออาวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางของคุณในเชียงใหม่ และสัมผัสกับความสงบและแรงบันดาลใจที่วัดแห่งนี้มอบให้



7
มอเตอร์โชว์ 2025: ดูคาติ Ducati Multistrada V4 Rally ปี 2024
1,469,000 บาท

ดูคาติ Ducati Multistrada V4 Rally ปี 2024
Ducati Multistrada V4 Rally เป็นจักรยานยนต์ในรูปแบบ Adventure touring ขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีเพียบพร้อมสำหรับการเดินทางไกลมากที่สุด มาพร้อมกับ Concept "Long range touring / First class comfort / All terrain ability" เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการเดินทางไกลและนิยมใช้จักรยานยนต์ในการเดินทางเป็นหลัก รุ่นนี้มาพร้อมกับ Minimum preload ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลดความสูงมอเตอร์ไซค์ลงได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสพื้นได้ง่ายขึ้น เพียงปลายนิ้วสัมผัส ล้อซี่ลวดน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว และ 17 นิ้ว ทำให้น้ำหนักเบา 3.2 กิโลกรัม วามสูงใต้ท้องเพิ่มสูงขึ้นอีก 15 มม. เพื่อการเดินทางไกล และ สุมบุกสมบันได้มากขึ้น ระบบกันสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์ Skyhook Suspension EVO, หน้าจอ TFT ขนาดใหญ่, เรดาร์ป้องกันการชนหน้า-หลัง และเครื่องยนต์ Testastretta 11? พละกำลัง 170 แรงม้า เปิดตัวทั้งหมด 2 สีทางเลือก ได้แก่ Aluminum & Matt Black ราคา 1,479,000 บาท และ Ducati Red ราคา 1,469,000 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Ducati
   รุ่น                  ดูคาติ Ducati Multistrada V4 Rally ปี 2024
   ประเภทรถ        Adventure Bigbike, Sport Touring Bigbike
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา              1,469,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์           เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์             6 เกียร์ Ducati Quick Shift ทั้งขึ้นลง
   รายละเอียดเครื่องยนต์   V4 Granturismo, 4 valves per cylinder
   ระบบระบายความร้อน    น้ำ
   ระบบสตาร์ท              สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  1158 CC
   แบบเครื่องยนต์          4 จังหวะ (V4 Granturismo)
   ระบบจุดระเบิด           Twin - pulse
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน           หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)    30 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน            ล้อหน้า 50 มม. ตะเกียบ Usd แบบปรับได้พร้อมเซ็นเซอร์ระยะชักภายใน การปรับแรงหน่วงการยุบตัวและการคืนตัว แบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย Ducati Skyhook Suspemsion EVO (DSS), ล้อหลัง ระบบกันสะเทือนแบบ Canrilever พร้แมโช้คเดี่ยวแบบปรับได้เต็มที่ การปรับอัดและการคืนตัวแบบอิเล็กทรอนิกา์ ระบบปรับสปริงพรีโหลดแบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมระบบกันสะเทือน Ducati Skyhook (DSS) สวิงอาร์มอลูมิเนียมสองด้าน
   ระบบเบรค                  ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 320 มม. แม่ปั๊ม 4 ลูกสูบ + ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 265 มม. แม่ปั๊ม 2 ลูกสูบ + ABS)
   แบบวงล้อ                  ซี่ลวด
   ขนาดยาง                   ล้อหน้า Pirelli Scorpion Trail II 120/70 R19, ล้อหลัง Pirelli Scorpion Trail II 170/60 R17
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)
   น้ำหนักตัวรถ                 238.00 กก.

8
บริการด้านอาหาร: อาหารเหมาะสําหรับ คนเป็นโรคไต

ในเรื่องของการรับประทานอาหาร เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนเราเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารฟ้าสฟู้ด ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บป่วย หากรับประทานเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสะสมของสารก่อมะเร็งมากมาย จนนำไปสู่การเจ็บป่วยมากมาย โดยโรคที่คนไทยหลายคนกำลังประสบพบเจอ หนีไม่พ้นโรคที่เกิดจากอาหารการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และไม่ถูกหลักโภชนาการ การรับประทานอาหารที่ไม่มีความสมดุล รับประทานบางอย่างมากเกินไป สะสมนานวันเข้า สุดท้ายอาจเป็นโรคได้ โดยเฉพาะโรคไต แต่นอกจากอาหารเค็มแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนเป็นโรคไต หรือที่กำลังฟอกไตอยู่ควรระวัง ยกตัวอย่างเช่น ฟอสฟอรัส ที่ตัวอันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคไต

เพราะนอกจากโซเดียมที่เป็นตัวการสำคัญของโรคไต และความดันโลหิตสูงแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสอีกตัวที่จะทำให้อาการของโรคไตแย่ลง เพราะเมื่อไตของเรากำลังเสื่อม ก็จะมีความสามารถในการกรองเอาสารอาหารประเภทฟอสฟอรัสออกมาได้น้อยลง นั่นหมายความว่า ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสเข้าไปมากเท่าไร มันก็สะสมอยู่ในร่างกาย ทั้งที่จริงๆ แล้ว คนที่ไตทำงานปกติ ไตจะกรองเอาสารอาหารที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายออกให้ ในขณะเดียวกัน ฟอสฟอรัสไม่ยอมออกไปเลย ก็เลยทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึง อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการรับประทานอาหาร

 อย่างที่เราเน้นย้ำมาตลอดว่า การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และต้องได้รับพลังงานเพียงพอ โดยในแต่ละมื้อควรมีอาหารหลากหลาย ควรปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ได้แก่ การลดหวาน, ลดมัน, ลดเค็ม เพื่อควบคุมโรคที่มีผลกระทบต่อไต รวมไปถึง ควบคุมปริมาณเนื้อสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์มีปริมาณโปรตีนสูง หากรับประทานมากเกิน จะทำให้ปริมาณของเสียในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ไตทำงานหนัก ควรเลือกรับประทานโปรตีนคุณภาพสูง ได้แก่ เนื้อปลา เนื่องจากมีไขมันต่ำ มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง, ไข่ขาว, เนื้อหมู, เนื้อไก่ไม่ติดหนัง, นมไขมันต่ำ เป็นต้น ต่อมาอาหารประเภท ข้าว หรือแป้ง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ เช่น ข้าวเจ้า ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี เป็นต้น รวมไปถึงอาหารประเภทไขมัน แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ และจำกัดไขมันอิ่มตัวทั้งจากพืชและสัตว์ เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม มันหมู รวมถึงไขมันทรานส์ ที่สำคัญควรจำกัดโซเดียมในอาหาร กรณีความดันโลหิตสูงหรือมีอาการบวม ต้องจำกัดปริมาณโซเดียม นอกจากนี้ น้ำเปล่าเหมาะกับผู้ป่วยโรคไตมาก

 ที่สุด หรือหากอยากดื่มน้ำสมุนไพร ต้องไม่หวานจัด หรือหากมีความดันโลหิตสูง หรืออาการบวม ต้องจำกัดน้ำดื่ม ไม่เกิน 700 – 1,000 ซีซีต่อวัน เพราะความสามารถในการขับปัสสาวะของผู้ป่วยโรคไตจะลดลง ข้อปฏิบัติอื่นๆ เช่น งดบุหรี่ เหล้า กาแฟ ระวังไม่ให้เกิดท้องผูกด้วยยา เพราะเมื่อขับถ่ายยากมีผลให้ความดันโลหิตขึ้น และยังมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมโปแตสเซียมมากขึ้น อีกทั้งควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนอนหลับสนิท ส่วนสารอาหารอื่นๆ อาจต้องมีการปรับและควบคุมตามอาการของโรค โดยการไปพบแพทย์และตรวจเลือดเป็นระยะๆ เพราะจะเป็นตัวช่วยบอกว่าควรจำกัดสารอาหารใดบ้าง

ทั้งหมดนี้ ก็คือ แนวทางในการรับประทานอาหารของผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานอาหารให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะรับประทานได้ แต่ก็ไม่ควรรับประทานจนมากเกินไป ควรรักษาสมดุลของอาหารให้ดี และรับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนเดิมในทุกๆ วัน ทุกๆ มื้อ เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ใครที่ต้องรับประทานยาจับฟอสฟอรัส ก็อย่าลืมรับประทานพร้อมอาหารอย่างสม่ำเสมอด้วย ช่วยให้ฟอสฟอรัสไม่สูงได้เป็นอย่างดี ถ้าเราควบคุมปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดได้

ดังนั้น  ทางเราอยากให้ทุกคน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดูแลสุขภาพร่างกาย หันมาใส่ใจในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอทำให้ร่างกายได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ห่างไกลจากภาวะการเจ็บป่วยได้

9
ถวายดอกบัวอบแห้ง เที่ยววัดพระบรมธาตุไชยา เที่ยวสุราษฎร์ธานี

เที่ยวสุราษฎร์ธานี เที่ยววัดพระบรมธาตุไชยา วันนี้เราได้นำดอกบัวอบแห้ง คู่หนึ่ง มาถวายเข้าโบสถ์ ณ วัด
พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกได้ว่าเป็น วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เที่ยวสุราษฎร์ธานี เที่ยววัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร หรือวัดพระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่ในตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมา เป็นวัดเก่าแก่ที่เป็นปูชนียสถาน ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี องค์เจดีย์พระบรมธาตุ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทเรือนธาตุ ซึ่งมีฐานเป็นรูปกากบาท ตั้งอยู่บนฐานบัวลูกแก้วรูปสี่เหลี่ยม ตกแต่งด้วยเสาติดผนัง และมีมุขทั้ง 4 ด้าน ที่มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์ ประมาณ 24 เมตร

วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนรักษ์นรกิจ หมู่ 3 ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดพระบรมธาตุไชยา เป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดพระบรมธาตุไชยา โรงเรียนสงฆ์ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา

สันนิษฐานว่า วัดแห่งนี้มีตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อกับอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งสถาปัตยกรรมในที่แห่งนี้ ได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมของอาณาจักรต่างๆ ซึ่งสามารถสันนิฐานได้จากโบราณสถาน โบราณวัตถุที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งปรากฏอยู่หลายสมัย แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต และความเสื่อม จนบางครั้งทิ้งร้างไปแล้ว ก็ฟื้นฟูขึ้นใหม่ในพื้นที่เดียวกันนั่นเอง เป็นโบราณสถานตามแบบลัทธิมหายานตั้งแต่อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง

จากประวัติความเป็นมา คาดว่า วัดพระบรมธาตุไชยา ได้สร้างขึ้นราว พุทธศตวรรษที่ 13 – พุทธศตวรรษที่ 14 ในสมัยศรีวิชัย โดยมีวัด โบสถ์ หรือพระอุโบสถ หันไปทางทิศตะวันตก รอบองค์พระธาตุมีเจดีย์เล็ก 4 ทิศ ล้อมรอบด้วยวิหารคด ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ขนาดต่างๆ โดยรอบทั้ง 4 ด้าน พระบรมธาตุไชยา เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ยอดเจดีย์ที่เดิมหักลงมาถึงคอระฆัง พระพุทธรูปทำด้วยศิลา สูง 104 เซนติเมตร ปางสมาธิประทับอยู่บนฐานบัว มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 – 12 แสดงถึงอิทธิพลศิลปะอินเดีย แบบราชวงศ์คุปตะ สกุลช่างสารนาถ

ในพุทธศตวรรษที่ 14 ได้สร้างพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ) สองกรสำริด ประติมากรรมในชวา (ประเทศอินโดนีเซีย) ภาคกลาง จารึกหลักที่ 23 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสกุลวงศ์ของกษัตริย์แห่งศรีวิชัย (ไชยา) และราชวงศ์ไศเลนทรในชวาภาคกลาง

พุทธศตวรรษที่ 15 ได้สร้างพระโพธสัตว์อวโลกิเตศวรสองกรศิลา ศิลปะจามพุทธสมัยอยุธยา ได้สร้างพระพุทธรูปศิลาทราย ศิลปะอยุธยา สกุลช่างไชยา

เที่ยววัดพระบรมธาตุไชยา

เรื่องเล่า ตำนาน ของพระบรมธาตุไชยา

เมื่อสมัยอดีต พี่น้องสองคนชาวอินเดีย ที่นามว่า ปะหมอ กับ ปะหมัน ทั้งสองพี่น้องเดินทางจากอินเดีย โดยเรือใบ จนมาถึงเมืองไชยา และทั้งสองได้พาบริวารในลำเรือขึ้นบก ณ บ้านนาค่าย ตรงวัดหน้าเมือง ซึ่งในกาลต่อมา ท่านเจ้าเมืองท่านได้มอบหมายให้ ปะหมอ ซึ่งเขาเป็นนายช่างที่มีความชำนาญ และความสามารถในการก่อสร้างเจดีย์ ให้เป็นผู้สร้างเจดีย์พระบรมธาตุไชยาขึ้น

เมื่อสร้างเจดีย์พระบรมธาตุไชยา เสร็จ เจ้าเมืองก็ให้ทำการตัดมือและเท้า ของปะหมอ เพื่อไม่ให้ปะหมอ ไปสร้างเจดีย์ที่งดงามในแบบนี้ ให้กับที่อื่นอีก แต่ทว่า ปะหมอ ทนพิษบาดแผลจากการถูกตัดมือและเท้าไม่ไหว จึงเสียชีวิตลง เจ้าเมืองจึงได้ตัดสินใจหล่อรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทน ปะหมอ ว่าเป็นผู้สร้างพระบรมธาตุไชยาแห่งนี้

10
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



12
บอร์ดโพสเว็บบอร์ดsmf / ข้อมูลโรคฝีเต้านม (Breast abscess)
« เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2025, 21:58:57 น. »
ข้อมูลโรคฝีเต้านม (Breast abscess)

ฝีเต้านม เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราวในผู้หญิงที่ให้นมบุตรในระยะเดือนแรก ๆ

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อย ได้แก่ สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส ซึ่งจะเข้าไปในเต้านมโดยผ่านทางหัวนมที่ปริหรือแตก ทำให้เกิดเต้านมอักเสบ (mastitis) แล้วไม่ได้รักษาก็จะกลายเป็นฝีเต้านม

การมีนมคัดหรือมีน้ำค้างอุดอยู่ในท่อน้ำนม เนื่องจากทารกดูดไม่หมด เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้ง่าย


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสั่น เต้านมจะมีลักษณะบวมแดงร้อนและปวดมาก และต่อมน้ำเหลืองที่ใต้รักแร้ข้างเดียวกับเต้านมข้างที่เป็นฝีจะโตและเจ็บร่วมด้วย ถ้าหากปล่อยไว้บางครั้งฝีอาจแตกและมีหนองไหล


ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่ได้รับการรักษาให้ถูกต้องตั้งแต่แรก อาจทำให้เชื้อลุกลามเข้ากระแสเลือดกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจพบรอยโรคที่เข้าลักษณะของฝีเต้านม (ตรวจพบไข้ และเต้านมมีลักษณะบวมแดงร้อนและกดเจ็บ)

หากไม่แน่ใจแพทย์จะทำการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ และอาจนำน้ำนมหรือหนองไปตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการเจาะดูดหนองหรือผ่าระบายหนองออก และให้ยาปฏิชีวนะ

หากมีไข้สูง หรือมีอาการรุนแรง แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ทำการผ่าระบายหนอง และให้ยาปฏิชีวนะ (ซึ่งในช่วงแรกจะให้ทางหลอดเลือดดำ) ให้น้ำเกลือ และให้การรักษาตามอาการ (เช่น ยาลดไข้แก้ปวด)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดเต้านมมาก และเต้านมมีลักษณะบวมแดงร้อน คลำได้ก้อนฝีที่เต้านม ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นฝีเต้านม ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    หลังจากกลับมาพักฟื้นที่บ้าน มีอาการไข้กำเริบใหม่ เต้านมข้างที่เป็นฝีมีอาการปวดมากขึ้นหรือบวมแดงร้อนมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ป้องกันไม่ให้เต้านมอักเสบ โดยปฏิบัติตัว ดังนี้

    หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ และรักษาความสะอาดหัวนมก่อนและหลังให้ทารกดูดนม
    ป้อนนมลูกเป็นเวลาบ่อย ๆ
    ให้ทารกดูดนมทั้ง 2 ข้างพอ ๆ กัน โดยดูดนมให้หมดข้างหนึ่งก่อนค่อยสลับข้าง หากไม่หมดควรใช้นิ้วรีดนมหรือใช้อุปกรณ์ปั๊มนมออกให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้นมคัดหรือมีนมค้างอุดอยู่ในท่อน้ำนม
    หมั่นเปลี่ยนท่าการให้นมแต่ละครั้ง และจัดท่าให้ทารกดูดนมได้ถนัด
    หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าและเสื้อชั้นในที่คับหรือบีบรัดเกินไป

2. ถ้าสงสัยเต้านมอักเสบ หรือเต้านมมีอาการปวด บวม แดงร้อน ควรรีบไปพบแพทย์ตรวจรักษา หากปล่อยไว้อาจทำให้เป็นฝีเต้านมแทรกซ้อนได้


ข้อแนะนำ

เมื่อมีก้อนที่เต้านม หากเกิดจากการอักเสบเป็นฝี มักมีอาการไข้ หนาวสั่น และก้อนเต้านมจะมีลักษณะะปวดมาก และออกแดงร้อน กดถูกเจ็บ

แต่ถ้ามีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ไม่มีอาการปวดแดงร้อน กดถูกไม่เจ็บ มักจะเป็นก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งเต้านม

อย่างไรก็ตาม หากคลำได้ก้อนที่เต้านม ไม่ว่าจะมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

13
คิดจะกู้สินเชื่อรถแลกเงิน เลือกผ่อนดอกเบี้ยแบบไหนดี

ใครที่กำลังมองหาเงินก้อนยามจำเป็น แต่ไม่รู้จะขอสินเชื่อแบบไหนดี ตัวเลือก "สินเชื่อรถแลกเงิน" นับเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ เพราะนอกจากจะนำ "รถยนต์ที่เราผ่อนหมดแล้ว"​​ มาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเรายังสามารถใช้รถยนต์ได้ตามปกติอีกด้วยค่ะ แต่ก่อนจะตัดสินใจขอสินเชื่อรถแลกเงิน วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อประเภทนี้กันค่ะ ว่ามีแบบไหนบ้าง และเราควรเลือกผ่อนดอกเบี้ยแบบไหน
 
รูปแบบดอกเบี้ยสินเชื่อรถแลกเงิน
 
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ตายตัว ไม่มีการปรับขึ้น หรือลง และจ่ายเท่ากันทุกงวดตลอดอายุสัญญา โดยในการคิดดอกเบี้ย ผู้ให้สินเชื่อจะคำนวณดอกเบี้ยครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ทำสัญญาเงินกู้ โดยค่างวดที่ต้องจ่ายจะเป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ยที่เท่าๆ กันตลอดอายุสัญญา
 
วิธีคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่

ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปีที่ผ่อนชำระ

ขอบคุณข้อมูลจากธนาคารทหารไทยธนชาต
ข้อดีของอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ : ผู้กู้จ่ายค่างวดเท่ากันทุกงวดตลอดอายุสัญญา ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีแผนที่จะโปะยอดเงินต้น หรือปิดยอดหนี้ก่อนถึงช่วงเวลาที่กำหนด

อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เป็นการคำนวณดอกเบี้ยจากยอดเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด ซึ่งดอกเบี้ยจะเปลี่ยนไปตามจำนวนเงินต้นที่ผู้กู้ผ่อนชำระ ยิ่งจ่ายเยอะ เงินต้นก็ลดลงเยอะ และดอกเบี้ยก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามจำนวนเงินต้นที่ลดลง
 

วิธีคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
 
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้นๆ = (ยอดเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวดนั้นๆ) / จำนวนวันต่อปี
 
ข้อดีของอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก : หากผู้กู้มีการผ่อนชำระในแต่ละงวด ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะถูกลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย เหมาะสำหรับ คนที่วางแผนที่จะปิดยอดหนี้ก่อนกำหนดหรือต้องการโปะยอดหนี้ เพื่อให้หมดหนี้ได้เร็วขึ้น

ดอกเบี้ยคงที่ VS ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เลือกแบบไหนดี?
 
ทราบวิธีการคิด และเห็นความแตกต่างของดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยลดต้นลดดอกกันไปแล้ว ถึงเวลาต้องเลือกจะเลือกผ่อนดอกเบี้ยแบบไหนดี ดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และแบบไหนคุ้มค่ากว่า เช็กยังไงได้บ้าง มาดูกันค่ะ
 

1. ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน
 
คือ อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ และอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเท่ากัน ในระยะเวลาผ่อนชำระที่เท่ากัน การเลือกผ่อนชำระดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกคุ้มค่ากว่าแน่นอนค่ะ เพราะผู้ให้สินเชื่อจะคำนวณดอกเบี้ยลดลงเรื่อยๆ ตามจำนวนเงินต้นที่ลดลง สามารถโปะปิดยอดหนี้ได้ตามที่ต้องการ เพราะหากเป็นการผ่อนในอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ผู้ให้สินเชื่อจะคำนวณดอกเบี้ยรวมกับเงินต้นเข้าไปทั้งก้อนแล้ว และให้ผู้กู้ผ่อนชำระเป็นรายงวดๆ ละเท่าๆ กันตลอดอายุสัญญา หากโปะปิดยอดหนี้ ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย
 
ตัวอย่าง  ขอสินเชื่อรถแลกเงินวงเงิน 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 6 % ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี คำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่ และลดต้นลดดอกเป็นดังนี้
 
กรณีดอกเบี้ยคงที่ : ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปีที่ผ่อนชำระ
คำนวณอัตราดอกเบี้ย >> 200,000 x 6% x 5 = 60,000 บาท
รวมเป็นยอดที่ต้องชำระทั้งสิ้น 200,000 + 60,000 = 260,000 บาท
คิดเป็นผ่อนชำระต่อเดือน 260,000 / 60* =  4,333.34 บาท
กรณีดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก : ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้นๆ = (ยอดเงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวดนั้นๆ) / จำนวนวันต่อปี

(ในกรณีที่เป็นการผ่อนชำระดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ผู้ให้สินเชื่อจะกำหนดยอดผ่อนชำระต่อเดือนมาให้เลย จากตัวอย่าง สมมติต้องผ่อนเดือนละ 4,500 บาท)

คำนวณอัตราดอกเบี้ยงวดที่ 1 >> 200,000 x 6% x 30 / 365 = 986.30 บาท
ยอดผ่อนต่อเดือน 4,500 บาท เป็นดอกเบี้ย 986.30 บาท ตัดเงินต้น 3,513.70 บาท
ดังนั้นยอดเงินต้นที่คำนวณดอกเบี้ยในงวดที่ 2 คือ 200,000 - 3,513.70 = 196,486.30 บาท
สำหรับงวดถัดไปสามารถคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวดไปได้เรื่อยๆ ยิ่งจ่ายเงินต้นมากเท่าไร จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในส่วนของดอกเบี้ยก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย และหากเรามีกำลังพอจะโปะปิดยอดหนี้ เราก็จะเสียดอกเบี้ยน้อยลงไปอีกค่ะ
 

2. ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน
 
กรณีที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ กับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกไม่เท่ากัน สามารถคำนวณเทียบอัตราดอกเบี้ยแบบประมาณการณ์ได้ โดยนำอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปคูณ 1.8 เพื่อแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ไปเป็นแบบลดต้นลดดอก เพื่อเปรียบเทียบว่าผ่อนชำระดอกเบี้ยแบบไหนจะถูกกว่า หรือคุ้มค่ากว่ากัน
 
ตัวอย่าง ผู้ให้สินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 12% ส่วนอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่คิด 4.8% ด้วยระยะเวลาการผ่อนชำระเท่ากัน เราสามารถนำอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปแปลงค่าเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกได้คือ (4.8% x 1.8) = 8.64% เท่ากับว่าอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เป็นต้นค่ะ
 
ดังนั้นหากต้องการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบว่าแบบไหนถูกกว่า หรือคุ้มค่ากว่า ต้องลองคำนวณว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนชำระตลอดอายุสัญญาจริงๆ แล้วเป็นเท่าไหร่กันแน่ และเมื่อได้อัตราดอกเบี้ยตามที่ต้องการแล้ว ควรดูเป้าหมายของการผ่อนชำระด้วยนะคะ หากมีแพลนจะโปะปิดยอดก็สามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกได้ แต่หากต้องการผ่อนชำระไปตามจำนวนงวดที่ผู้ให้สินเชื่อกำหนดก็สามารถเลือกผ่อนดอกเบี้ยแบบคงที่ได้เช่นกันค่ะ

14
การจัดฟันเด็ก ช่วงที่ยังมีฟันน้ำนม แตกต่างจากช่วงที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้วอย่างไร

ฟันน้ำนมของเด็ก ถือว่ามีบทบาทสำคัญในลำดับขั้นพัฒนาการของเด็กเลยทีเดียว นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่จะเกิดฟันแท้มาแทนที่ ยังช่วยในเรื่องลักษณะทางกายภาพให้มีโครงสร้างร่างกายเป็นปกติ มีฟันไว้ช่วยบดเคี้ยวอาหาร หากฟันน้ำนมมีสุขภาพดี ไม่ผุกร่อนหรือติดเชื้อ ก็จะส่งเสริมพัฒนาการฟันแท้ที่จะงอกตามมาให้สมบูรณ์แข็งแรงไปด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดฟันของเด็กให้ดี


เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้เด็กแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน แปรงฟันให้เด็ก หรือช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง รักษาความสะอาดของช่องปากอยู่เสมอ บ้วนปาก แปรงฟัน หลังรับประทานอาหาร หรืออาจใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันเพิ่มเติม และควรให้เด็กรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ และจำกัดปริมาณอาหารหรือขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์ เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุ นอกจากนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟันในอนาคตของเด็ก หรือถ้าเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะเด็กๆเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องของความผิดปกติของฟัน

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้แทบทุกกรณี ทั้งยังช่วยทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งการจัดฟันในเด็กที่มีอายุ 4-7 ปี เหมาะสำหรับการจัดฟันด้วยเครื่องมือ EF line เพราะเป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ


ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโตซึ่ง ซึ่งสามารถแกไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เด็กยังมีฟันน้ำนม ซึ่งพ่อแม่ที่อยากพาเด็กเข้ารับการจัดฟัน บางท่านอาจจะมีข้อสงสัยว่า การพาเด็กเข้ารับการจัดฟันในช่วงฟันน้ำนมกับช่วงที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว แตกต่างกันอย่างไร วันนี้ทางคลินิกจะมาพูดถึงความแตกต่างของการจัดฟันในเด็ก ในช่วงฟันน้ำนมและฟันแท้ว่ามีความแตกต่างอย่างไร และการจัดฟันในเด็กช่วงไหนดีที่สุด เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เป็นแนวทางพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

จริงๆแล้วการจัดฟันในเด็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถนำเด็กๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น แนะนำให้พาเด็กอายุ 7-10 ปี ไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน เพราะหากพบปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เด็กวัยนี้ก็สามารถจัดฟันได้แล้ว ถ้าเด็กในวัยนี้เหมาะสำหรับการจัดฟัน EF Line อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในวัยเด็ก หรือระยะชุดฟันผสมเป็นระยะที่ฟันหน้าและฟันกรามถาวรซี่แรกขึ้นเรียบร้อยแล้ว ควรจัดฟัน เพื่อแก้นิสัยหรือความผิดปกติที่เกิดจากขากรรไกร โดยเครื่องมือชักนำและปรับเปลี่ยนทิศทางการเจริญเติบโตของขากรรไกร ต่อมาในช่วงวัยรุ่น หรือระยะฟันถาวร เป็นระยะที่ฟันถาวรทุกซี่ยกเว้นฟันกรามซี่ที่ 3 ขึ้นเรียบร้อยแล้ว เป็นระยะที่เหมาะสมในการจัดฟันเพื่อแก้ไขตำแหน่งฟันที่มีความผิดปกติ

และในวัยผู้ใหญ่การจัดฟันจะสามารถแก้ไขได้เฉพาะความผิดปกติของตำแหน่งฟัน ดังนั้น การจัดฟันในด็กตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนมจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะสามารถแก้ไขความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และช่วยป้องกันฟันที่ขึ้นอย่างผิดปกติด้วย

หากใครสนใจพาบุตรหลานของ่ทานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการจัดฟันได้ โดยติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนที่สุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง

15
ปล่อยรถผู้บริหาร Honda CR-V 1.5 ES 4WD ปี2023 ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
HONDA CR-V ES 4WD สปอร์ตพรีเมียม เจเนอเรชันที่ 6 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
ฟรี ประกันหลังการขาย เครื่อง เกียร์ (ส่งซ่อมห้าง) 1 ปี / 10,000 กม.
ฟรี บริการเซ็นเอกสารจัดไฟแนนซ์ถึงบ้านทั่วไทย

ราคาพิเศษ 1,335,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Honda
   รุ่น                    ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2023


หน้า: [1] 2 3 ... 51